วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เส้นทางการท่องเที่ยวในทวีปยุโรป (อิตาลี)



                                                                                                    บทนำ
           ประเทศอิตาลีเป็นสถานที่ที่มีแหล่งมรดกโลกอยู่มากกว่าประเทศอื่นในโลก ซึ่งมีทั้งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและมรดกโลกทางธรรมชาติที่มีคุณค่าอย่างมาก ประมาณ 60% ของงานจิตรกรรมทั้งหมดในโลกสรรค์สร้างขึ้นในประเทศอิตาลี และเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ในอดีตกาล  อิตาลีมีสิ่งที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ คือ  มีนครวาติกันซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิคตั้งอยู่กลางกรุงโรม  โดยถือเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับอิตาลี เมืองสำคัญของอิตาลีคือ โรม มิลาน เนเปิลส์ ฟลอเรนซ์ เวนิส เมืองหลวง คือกรุงโรม (Rome) ประชากร 2.7 ล้านคน

ที่ตั้ง
            ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรปในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรูปรองเท้าบูต  และมีเกาะใหญ่ๆอยู่ 2 เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย  และยังมีหมู่เกาะเล็กๆอีกจำนวนมาก  นอกจากนี้มีรัฐอิสระอีก 2 รัฐก็รวมอยู่ในประเทศอิตาลีด้วยคือ ซานมาริโน และวาติกัน   ซึ่งประเทศอิตาลีมีพื้นที่ทั้งหมด 301,338 ตารางกิโลเมตร หรือ 116,346 ตารางไมล์ เมืองหลวงของประเทศอิตาลีคือ กรุงโรม

                                                                                 

ภูมิประเทศ
            ประเทศอิตาลีตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลี ถูกล้อมรอบด้วยทะเลในทุกๆ ด้านยกเว้นด้านเหนือ เพราะอาณาเขตทางทิศเหนือติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียโดยมีเทือกเขาแอลป์กั้นแบ่ง  เทือกเขาที่สำคัญอีกแห่งคือ เทือกเขาแอเพนไนน์พาดผ่านตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ มีแม่น้ำที่ยาวที่สุดในอิตาลีคือแม่น้ำโป (Po) และแม่น้ำไทเบอร์ที่ไหลผ่านกรุงโรม   ทางตอนเหนือของอิตาลีมีทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่มากมาย เช่น ทะเลสาบการ์ดา โกโม มัจโจเร และทะเลสาบอีเซโอ   เนื่องจากประเทศอิตาลีถูกล้อมรอบด้วยทะเล ดังนั้นจึงมีชายฝั่งทะเลยาวหลายพันกิโลเมตรซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาที่นี่  นอกจากนี้ประเทศอิตาลียังมีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย

                                                     

                                                   

ประวัติศาสตร์อิตาลี

ประวัติศาสตร์อิตาลีแบ่งออกเป็น  2 ช่วง
ยุคโบราณ
             คาบสมุทรอิตาลีมีมนุษย์อาศัยตั้งแต่ยุคหินเก่า ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทเบอร์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 หมื่นปีที่แล้วและด้วยอิตาลีนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีอารยธรรมโบราณ กล่าวคืออารยธรรมมิโนน และไมซีเนียน อารยธรรมที่เกี่ยวพันกับอารยธรรมกรีกโบราณ อิตาลีเป็นประเทศที่มีอารยธรรมมาช้านานและแผ่ขยายดินแดนอื่นๆในทวีปยุโรปในช่วง1,600ปี

                                                                

                 ก่อนคริต์ศักราชพวกอีตรัสกัน (Etruscan) จากเอเชียไมเนอร์ก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่เป็นแคว้นตอสกานาในปัจจุบันพร้อมกับนำอารยธรรมกรีกเข้ามาเผยแพร่ ส่วนพวกกรีกเองก็ได้เดินทางมาตั้งอาณานิคมชื่อว่า แมกนากราเซีย” (Magna Graecia) ในตอนใต้ของอิตาลีใน 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่เมืองนาโปลี จนถึงเกาะซิชิเลีย ในศตวรรษที่6                                                                                                                                           
                ก่อนคริสต์ศักราช พวกอีตรัสกันได้มีอำนาจปกครองดินแดนตั้งแต่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอิตาลีตั้งแต่หุบเขาโป จนถึงบริเวณเมืองนาโปลี และดินแดนรอบๆ กรุงโรม ขณะเดียวกันชนเผ่าอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีก็รวมตัวกันจัดตั้งเป็น นครรัฐขึ้น เพื่อต่อต้านการขยายตัวและอำนาจของพวกอีตรัสกันและกรีก ชนเผ่าที่สำคัญในการต่อต้านอำนาจเหล่านี้ได้แก่พวกละติน หรือโรมัน ซึ่งเมื่อถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินก็ได้มีอำนาจเหนือดินแดนอิตาลีเกาะซาร์ดิเนียและซิซิเลียทั้งหมดแล้วใน 27 ปีก่อนคริสต์ศักราช
              โรมได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นระบอบจักรวรรดิโดยมีจักรพรรดิออกตาเวียน (Octavian) เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก นครหลวงแห่งนี้ได้เจริญถึงขีดสุดและสามารถขยายอำนาจปกครองอิทธิพลไปทั่วทั้งยุโรป และบริเวณรายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการค้า และความเจริญในด้านวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ แทนกรีกที่ได้ถดถอยลง ระหว่างปี ค.ศ. 96 – 180 เป็นช่วงระยะเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจักรพรรดิที่ปกครอง 5 พระองค์ แต่หลังจากนั้น โรมต้องประสบปัญหาทั้งในทุกๆด้าน รวมไปถึงการรุกรานของพวกอนารยชน รวมทั้งการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมจรรยา ใน พ.ศ. 855 (ค.ศ. 312) จักรพรรดิคอนสแตนติน ทรงยอมรับคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งมีผลให้คริสต์ศาสนามีโอกาสได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนที่อยู่ใต้อานัติของโรมในคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันและกรุงโรมได้ถูกพวกอนารยชนเยอรมันเข้าปล้นสะดม ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 1019 (ค.ศ. 476) จักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้ายก็ถูกพวกอนารยชนขับออกจากบัลลังก์นับเป็นการสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันตะวันตก ประวัติศาสตร์โลกสมัยโบราณ และโลกตะวันตกก็เข้าสู่ยุคกลาง


                                                                           

ยุคกลาง
              ในช่วงต้นของยุคกลาง ดินแดนต่างๆ ในยุโรปได้ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระส่ายที่บ้านเมืองขาดผู้นำระบบการเมืองเศรษฐกิจและสังคมถูกทำลายแต่ในขณะเดียวกันบิชอบแห่งโรมก็ได้สามารถสถาปนาอำนาจสูงสุดในคริสตจักรซึ่งต่อมาคือสันตะปาปาและสามารถจัดตั้งรัฐสันตะปาปา อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดอารยธรรมโรมันที่ยังหลงเหลือให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี แม้นครรัฐต่างๆ ในคาบสมุทรอิตาลีจะขาดเอกภาพทางการเมือง แต่นครรัฐเหล่านั้นยังเป็นศูนย์กลางของความเจริญมั่งคั่งและการฟื้นตัวของศิลปะ
     และวัฒนธรรมของยุโรป ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 อิตาลีได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน  (ยุคเรอเนซองส์) และเป็นผู้นำของลัทธิมนุษยนิยมในขณะที่ประเทศต่างๆในยุโรปยังตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบศักดินาหรือฟิวดัลแต่เมื่อเข้าปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 อิตาลีได้ตกเป็นสมรภูมิแย่งชิอำนาจระหว่างฝรั่งเศส สเปน และออสเตรีย กล่าวคือเมื่อปี ค.ศ. 1494 พระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศสได้เปิดการโจมตีคาบสมุทร ซึ่งได้ดำเนินเรื่อยมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และการโจมตีเพื่อแย่งการเป็นเจ้าของระหว่างฝรั่งเศสและสเปน
 ผู้สร้าง  อายุสมัย
             สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 แห่งอิตาลี ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรอิตาลี ประสูติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1820 เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าชาร์ลส์ อัลเบิร์ต กษัตริย์แห่งซาร์ดิเนียและพระนางมาเรีย เทเรซาแห่งออสเตรียและทัสคานี ในที่สุดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1861 ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย สามารถรวบรวมรัฐต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวและสถาปนาราชอาณาจักรอิตาลีได้สำเร็จ สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 จึงขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์อิตาลีพระองค์แรก และสวรรคตเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1878 ขณะพระชนมายุได้ 58 พรรษา

                                                                                


    รูปแบบศิลปและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
            การสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นแบบสถาปัตยกรรมอิตาลีเป็นการใช้ลักษณะทรงและศัพท์สถาปัตยกรรมของสถาปัตยกรรมอิตาลีของคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เป็นพื้นฐานในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทั้งลัทธิพาลเลเดียน และลัทธิฟื้นฟูคลาสสิกในการผสานกับความงามอันต้องตา (picturesque aesthetics)

                                                           

            ฉะนั้นลักษณะของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม ฟื้นฟูเรอเนซองส์” ด้วยจึงเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของยุค นักประวัติศาสตร์ชาวสวิสเชื้อสายเยอรมันซิกฟรีด กีเดียนบรรยายเกี่ยวกับลักษณะของปรัชญาของการเปลี่ยนแปลงลักษณะสถาปัตยกรรมว่า การมองอดีตแปรสภาพของสิ่งของ ผู้ชมทุกคนทุกสมัย ทุกช่วงเวลาในที่สุดก็จะเปลี่ยนแปรลักษณะที่เห็นในอดีตในบริบทของความเข้าใจของตนเอง  สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีเริ่มขึ้นในบริเตนราว ค.ศ. 1802 โดยจอห์น แนช โดยการสร้างคฤหาสน์ ครองค์ฮิลล์ในชร็อพเชอร์ คฤหาสน์ชนบทขนาดเล็กหลังนี้โดยทั่วไปแล้วก็เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นคฤหาสน์แบบอิตาลีหลังแรกในอังกฤษ ที่กลายมาเป็นต้นฉบับของ สถาปัตยกรรมแบบอิตาลีในตอนปลายของสมัยสถาปัตยกรรมรีเจ็นซี และในตอนต้นของสถาปัตยกรรมวิคตอเรียต่อมา                  

                                                          

            องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
 
                   หลังคาป้านหรือราบและมักจะใช้  hipped
                   ชายคายื่นกว้างออกไปรองรับด้วยคันทวย
                   บัวตกแต่งใหญ่เด่น
                   หน้าต่างและประตูประดับด้วยจั่ว
                   หน้าต่างชั้นแรกสูงเป็นนัยยะว่าเป็น piano nobile
                   หน้าต่างโค้งหักมุมยื่นออกมาจากตัวอาคาร (Angled bay windows)
                   ห้องใต้หลังคาที่มีหน้าต่างรายที่มีที่คลุม
                   ประตูกระจก
                   หอทัศนา หรือ เชิงเทิน และหอ
                   โดม
                   Quoins
                   ระเบียงลอจเจีย
                   ระเบียงเหล็กดัดหรือลูกกรงระเบียงแบบเรอเนซองส์
                   ลูกกรงระเบียงซ่อนหลังคา
                   ราว 15% ของสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีในสหรัฐอเมริกาจะรวมหอ

                                                             

                                                          

                                                    

แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง
บันไดสเปน (Spanish Steps) เป็นบันไดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่เชื่อมระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinit? dei Monti เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น

                                                      

       มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐ วาติกันสร้าง  ทับวิหารเดิมที่ชื่อเดียวกันโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่น  สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรมเชื่อว่าเป็นที่ฝังร่างของ นักบุญปีเตอร์  ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกสิบสององค์ของพร เยซู นักบุญปีเตอร์เดิมเป็นบาทหลวงองค์แรก ของอันติโอก (Antioch) ต่อมาก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม ประเทศอิตาลี
                                                            

      Pieta เป็นหนึ่งในประติมากรรมแกะสลักหินอ่อนที่ดีที่สุดในโลก  เป็นผลงานของไมเคิลแองเจลโล  ภาพนี่เป็น moment ขณะที่พระ แม่มารีเข้าไปอุ้มร่างไร้วิญญาณขอ พระเยซูที่ถูกปลดจากการตรึงบน กางเขน ลองดูใบหน้าพระแม่มารี สีหน้า แววตา ดูเศร้า ได้อารมณ์และงดงามสุดๆ รายละเอียดความพริ้วของเสื้อผ้าที่แกะจากหินอ่อนทั้งก้อน สรีภาพของพระเยซู รอยตะปูบนหลังมือเท้าของพระเยซู สุดสุด

                                                                                    

ซุ้ม Baldacchino ที่ตั้งเหนือหลุมศพ จริงของเซนต์ปีเตอร์ หลุมศพท่านอยู่ที่นี่   มาก่อนแล้วจนกระทั่งโรมันหมดอำนาจกษัตริย์แห่งโรมหันมานับถือศาสนา  คริสต์เอง จึงให้มีการก่อสร้างโบสถ์ครอบหลุมศพเซนต์ปีเตอร์ที่นี่ เพื่อเป็น การยกย่องและเชิดชูท่าน และนั่นคือ จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของศาสนจักรใน เวลาต่อมา การสร้างโบสถ์นี้ไม่ง่ายมี  อุปสรรคมาก

                                                                       

    น้ำพุเทรวี่นี้ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่สร้างความประทับให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยที เดียว ส่วนกลางของน้ำพุนั้น มีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร ตามธรรมเนียมแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำพุเทรวี่แห่งนี้ ควรจะโยนเหรียญ 1 เหรียญลงไปในสระ โดยมีความเชื่อกันว่า หากโยนเหรียญลงไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งนึง
                                                                
หอเอนเมืองปิซาตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร  ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี
                                                           

โรมันฟอรัม เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างในสมัยโรมันเรืองอำนาจ ทั้ง ธุรกิจ การเมือง และศาสนา ตัว หมู่อาคารฟอรัมทั้งหมดใช้เวลาก่อสร้าง  ในช่วงเวลายาวนานถึง 900 ปี เป็นที่ประกอบศาสนกิจ ที่ชุมนุมทาง  การเมืองแต่เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมลง  โรมันฟอรัมก็ถูกทิ้งร้างจนถึงยุคกลางก็  กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังที่มีหญ้า
                                                             

ประตูชัยคอนสแตนติน เป็นหนึ่งในหลายๆประตูชัยที่ใหญ่ที่สุดของโรมัน ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีประตูชัยถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีจักรพรรดิ  คอนสแตนตินที่ได้รบชนะ จักรพรรดิ แมกเซนเทียส ซึ่งนำความสงบสุขมาให้หลังจากมีสงครามกลางเมืองมายาวนานกว่าร้อยปี ประตูชัยมีทั้งหมดสามประตูและได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วย รูปปั้นและภาพแกะสลักนูนโค้งบันทึกเรื่องราว ต่างๆ ในอดีต
                                                                

   ของที่ระลึก
         ของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น พวงกุญแจ ที่ทับกระดาษ ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ แต่ของเหล่านี้ ส่วนมากจะ made in china เครื่องหนัง กระเป๋า   รองเท้า  เข็มขัด
                                                                         

                  ปัจจุบันอิตาลีเป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก กลุ่ม NATO และ EU  มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันตก  และเป็นประเทศสมาชิกหนึ่งที่เข้าร่วมใช้เงินสกุล EURO   เวลาที่เหมาะกับการไปเยือนอิตาลีที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนเมษายนถึงกลางเดือนมิถุนายน เพราะอากาศกำลังสบาย ทางตอนเหนือไม่หนาวและทางใต้ไม่ร้อนจนเกินไป                                             
                  สายการบินไทยมีเส้นทางการบินจากกรุงเทพสู่มิลาน สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากเดิมมีเพียงการบินจากโรมเข้าสู่กรุงเทพทั้งสิ้น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น