สะพานทาวเวอร์เบิร์ด
สร้าง ขึ้นเหนือแม่น้ำเทมส์ โดยสะพานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิว ที่มีความสูงถึง 140 ฟุต เท่านั้น แต่ภายในของฐานสะพาน ที่ถูกสร้างขึ้นให้มีลักษณะเป็นหอสูง ยังเป็นที่ที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ จนถึงมีจัดแสดงห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียนด้วย
ปราสาทเดอแรม
โบสถ์ยิวแห่งนี้เป็นโบสถ์ที่มีความใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก โบสถ์ยิวในนครนิวยอร์ค โถงโบสถ์มีทางเดินจากประตูสู่แท่นพิธี (Nave) ถึง 3 ทางด้วยกัน โดยปฏิบัติตามธรรมเนียมของนิกาย ออโธดอกซ์ ในการแยกที่นั่งสำหรับชาย และหญิง ซึ่งสามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ถึง 3000 คน และยังเป็นศูนย์รวมของชุมชนชาวยิวในนครบูดาเปสต์ อีกทั้งงานเทศกาลต่างๆ ก็ยังมีการจัดที่นี้อีกด้วย ภายในโบสถ์ยังมีพิพิธภัณฑ์ของชาวยิวอีกด้วย
ปราสาทนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 เพื่อปกป้องบิชอปแห่งเดอแรมจากการถูกโจมตี เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทแบบ mott and bailey ที่ได้รับอิทธิพลของนอร์มัน ปราสาทนี้ห้องโถงขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบิชอปแอนโทนี เบค เมื่อต้นศตวรรษที่ 14 เคยเป็นห้องโถงในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในเกาะบริเตน จนกระทั่งบิชอปริชาร์ด ฟอกซ์ ปรับขนาดห้องโถงให้เล็กลงเมื่อสิ้นศตวรรษที่ 15 ห้องโถงปัจจุบันมีความสูง 14 เมตร และยาวมากกว่า 30 เมตร
ปราสาทเดอแรมและมหาวิหารเดอแรมได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ข้อความจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรถึงเหตุผลของการเสนอชื่อปราสาทเข้ารับเลือกมีดังนี้ ในอังกฤษมีอาคารเพียงไม่กี่หลังที่สามารถยืนหยัดฝ่ากระแสความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ได้ยาวนานกว่าปราสาทเดอแรม หลังจากการพิชิตนอร์มัน ปราสาทถูกบูรณะ ต่อเติม และปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ตามสถานการณ์มาตลอดระยะเวลากว่า 900 ปี
มหาวิหารบาท
ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 และยังคงตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็เป็นอีกสถานที่สำคัญในเมืองนี้ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มหาวิหารแห่งนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิหารกอธิกที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และยังเชื่อกันอีกว่าลักษณะสถาปัตยกรรมแบบกอธิกภายในมีความสวยงามที่สุดในทวีปยุโรป ลักษณะเด่นภายในซึ่งมีอยู่ 3 ตำแหน่ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดโดยเด็ดขาด หลังคาพัดภายในมหาวิหารบาท ตำแหน่งแรกก็คือ เพดาน ที่มีชื่อเรียกว่า “เพดานพัด (Fan Vault)” โดยเพดานพัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิกซึ่งลักษณะสันของเพดานแยกออกไปเป็นแฉกคล้ายรูปพัด และต้องบอกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเฉพาะในประเทศอังกฤษเท่านั้น ตำแหน่งต่อมาก็คือ หน้าต่าง ที่มีลักษณะของงาน “กระจกสี (Stained Glass)” ซึ่งได้มีการนำกระจกสีมาตกแต่งหน้าต่างของมหาวิหาร และยามที่แสงแดดสาดส่องลงมาจะมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และในตำแหน่งสุดท้ายก็คือ ผนังของมหาวิหารที่เต็มไปด้วยสุสาน โดยเชื่อกันว่าที่มหาวิหารแห่งนี้มีสุสานมากที่สุดในอังกฤษ
สโตนเฮนจ์
สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่าที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบน
สโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใคร ทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่าง สงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า "ทุ่งมาร์ลโบโร" ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว
http://www.thaifly.com/TH/guide/england.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น