วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เทพเจ้าในความเชื่อของชาวตะวันตก

เทพในความเชื่อของชาวกรีก และ โรมัน

เทพเจ้ากรีก

ปรัชญาและความเชื่อ
                            จำนวนประชากรชาวกรีกแม้ว่าจะมีไม่มากนักถ้าเทียบกับอารยธรรมต่างๆ ในยุคเดียวกัน แต่ก็ประสบกับความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านปรัชญา วิทยาศาสตร์ และศิลปกรรมในแขนงต่างๆ อย่างดียิ่ง เป็นเพราะชาวกรีกยึดถือลัทธิเหตุผลนิยม (rationalism) อีกทั้งเป็นผู้มีความเชื่อในอุดมคติ (idealism) และหลักมนุษยธรรม (humanism)  ชาวกรีกโบราณนับถือธรรมชาติ เชื่อว่าพลังลึกลับที่สามารถให้คุณให้โทษได้เกิดขึ้นเพราะมีเทพเจ้าต่างๆ บันดาลให้เป็นไป ชาวกรีกนับถือเทพเจ้าหลายองค์ เทพเจ้าตามความเชื่อของชาวกรีกมีหน้าตาและมีอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกับ มนุษย์ แต่มีพลังอำนาจเหนือกว่า เทพเจ้าสูงสุดคือ “ซีอุส” หรือ “ซุส(Zeus) เป็นเทพบิดรของบรรดาเทพทั้งหลาย สถิตอยู่บนยอดเขาโอลิมปัส(Olympus) มีชายาชื่อ “เฮร่า”(Hera) เป็นเทพีแห่งสวรรค์และการแต่งงาน นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าอีกมากมาย ต่างภาระหน้าที่กันไป ศาสนาของกรีกได้รับการเสริมแต่งพรรณนาจนดูราวกับเทพนิยายจนมีชื่อเรียกว่า “ศาสนนิยาย” ครั้งต่อมาเมื่อกรีกตกอยู่ภายใต้การครอบครองของโรมัน ชาวโรมันก็ได้รับเอาความเชื่อนี้ไปใช้ แต่เปลี่ยนชื่อเทพเจ้าต่างๆ ให้เข้ากับภาษาและความเชื่อของตน นอกจากนี้ชาวกรีกยังนับถือนางไม้หรือเทพธิดา ที่สิงสถิตอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในป่าเขาลำเนาไพร เทพธิดาของกรีกส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ชาวกรีกจะสร้างวิหารไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้า มีพิธีกรรมการเซ่นสรวงบูชา และสลักรูปจำลองของเทพเจ้าไว้สำหรับเคารพบูชาด้วย ส่วนทางด้านปรัชญานั้น ชาวกรีกเป็นผู้ให้กำเนิดวิชาปรัชญาแก่ชาวตะวันตก ซึ่งมีพื้นฐานสืบเนื่องมาจากเสรีภาพในความคิดและความอยากรู้อยากเห็นอันไม่ มีที่สิ้นสุดของชาวกรีกที่มีต่อธรรมชาติ ซึ่งวิชาการต่างๆ 
นักปรัชญากรีกได้วางรากฐานอย่างดีให้แก่นักวิชาการในสมัยปัจจุบันอย่างพร้อมมูล

เทพเจ้าโรมัน
ตรงกันข้ามกับการบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับเทพต่างๆ โรมันจะมีตำนานมากมายที่เกี่ยวกับการก่อตั้งและความรุ่งเรืองของเมืองต่างๆ นอกไปจากเรื่องราวที่เล่าขานกันตามท้องถิ่น ก็มีการเพิ่มเติมตำนานวีรบุรุษของกรีกที่ปะติดปะต่อกับตำนานพื้นบ้านโรมันมาตั้งแต่สมัยแรก ตัวอย่างเช่นอีเนียสของโรมันก็ถูกดึงไปเป็นสามีของลาวิเนียพระราชธิดาของกษัตริย์ลาตินัสผู้เป็นบรรพบุรุษของชนละติน ฉะนั้นจึงเป็นบรรพบุรุษของรอมิวลุส และรีมุส ฉะนั้นตำนานเกี่ยวกับโทรจันจึงกลายเป็นตำนานลึกลับเกี่ยวกับบรรบุรุษของชาวโรมัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทหารม้าโรมันแต่งเครื่องแบบที่มาจากภาพวาดของโทรจัน กวีนิพนธ์ เอนิอิด” (Aeneid) และ หนังสือสองสามเล่มแรกโดยนักประวัติศาสตร์โรมันลิวี” (Livy) เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปรำปราวิทยาของมนุษย์ดังกล่าว
ประเพณีปฏิบัติต่างๆ โดยนักบวชของทางการของโรมันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างความแตกต่างของเทพสองระดับ “di indigetes” และ “di novensides”/“novensiles” กลุ่ม “di indigetes” หมายถึงทวยเทพดั้งเดิมของโรมัน ชื่อและรายละเอียดของเทพกลุ่มนี้ระบุด้วยตำแหน่งของนักบวชรุ่นแรกที่สุดและโดยวันเทศกาลที่เฉพาะเจาะจงที่มีด้วยกัน 30 องค์ที่มีเทศกาลที่ระบุอย่างเฉพาะเจาะจง ส่วน “di novensides”/“novensiles” คือเทพรุ่นต่อมาที่เข้ามาตามเมืองต่างๆ ในภายหลัง และมักจะทราบเวลาที่เข้ามาตามความจำเป็นของสถานการณ์หรือวิกฤติการณ์ ทวยเทพดั้งเดิมนอกไปจาก “di indigetes” เป็นกลุ่มทวยเทพที่เรียกว่า เทพเฉพาะกิจเช่นเทพแห่งการเก็บเกี่ยว เศษชิ้นส่วนจากประเพณีที่เกี่ยวข้องกับกิจการต่างๆ เช่นการไถหรือการหว่านทำให้เราทราบว่ากระบวนการทุุกขั้นตอนของกิจการของโรมันต่างก็มีเทพเฉพาะกิจต่างๆ กันไป ชื่อของเทพก็จะมาจากคำกิริยาของกิจการที่กระทำ เทพเหล่านี้ก็จะจัดเป็นกลุ่มภายใต้กลุ่มกว้างๆ หรือ กลุ่มเทพสนับสนุน (attendant หรือ auxiliary gods) ผู้ที่จะได้รับการกล่าวนามพร้อมกับเทพระดับสูง
เทพเฉพาะกิจและเทศกาลที่เกี่ยวข้องทำให้เราทราบว่าชาวโรมันสมัยแรกนอกจากจะเป็นกลุ่มชนที่เป็นสังคมเกษตรกรรม แต่ยังเป็นสังคมที่นิยมการต่อสู้ และ มักจะนิยมการทำสงคราม นอกจากจะมีเทพเฉพาะกิจในด้านการเกษตรแล้วชาวโรมันก็ยังมีเทพเฉพาะกิจในกิจการประจำวันที่ต้องทำการสักการะบูชาตามความเหมาะสมด้วย ฉะนั้นเทพแจนัส และ เทพีเวสตาก็จะเป็นผู้รักษาประตูและเตาผิงเทพลารีสพิทักษ์ที่ดินและบ้านเทพพาลีสพิทักษ์ท้องทุ่งเทพแซทเทิร์นพิทักษ์การหว่านเทพีเซเรสพิทักษ์การเจริญเติบโตของธัญพืชเทพีโพโมนาพิทักษ์ผลไม้ และ เทคอนซัสพิทักษ์ธัญญาหารและสถานที่เก็บรักษาธัญญาหาร และ เทพีอ็อพสพิทักษ์การเก็บเกี่ยวและเป็นเทพีแห่งการเจริญพันธุ์ แม้แต่เทพจูปิเตอร์ผู้เป็นประมุขของทวยเทพก็ยังทรงเป็นเทพที่ช่วยให้ฝนตกเพื่อช่วยในการเกษตรกรรม และคุณลักษณะทั่วไปของพระองค์จากการที่ทรงมีสายฟ้าเป็นอาวุธทำให้ทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้อำนวยการของกิจการที่มนุษย์กระทำ และการที่ทรงมีอำนาจอันยิ่งใหญ่และกว้างขวางทำให้ทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์กิจการทางทหารของชาวโรมันที่นอกไปจากในบริเวณเขตแดนของตนเอง เทพเจ้าสำคัญในสมัยแรกก็ได้แก่เทพมาร์ส และ เทพควิรินัส ผู้มักจะเป็นเทพในกลุ่มเดียวกัน เทพมาร์สเป็นเทพเจ้าแห่งการสงครามที่ทำการฉลองกันในเดือนมีนาคมและตุลาคม ส่วนเทพควิรินัสเชื่อกันโดยนักวิชาการสมัยใหม่ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งประชาคมผู้ถืออาวุธในยามสันติ
ในกลุ่มเทพของสมัยแรกก็มีไตรเทพ (triad) ที่สำคัญคือ เทพจูปิเตอร์เทพมาร์ส และ เทพควิรินัส เทพในสมัยแรกมักจะไม่มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สำคัญ และประวัติก็ไม่มีเรื่องราวของการสมรสหรือบรรพบุรุษ ซึ่งไม่เหมือนกับเทพเจ้ากรีกเพราะจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์เดินดิน ฉะนั้นจึงแทบจะไม่มีเรื่องราวของกิจการที่กระทำ    https://sites.google.com/site/5102667rsu/arc213/final_

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น